บาเยิน

เสือใต้เซย์โนผีขี้ตืดยื่นไม่ถึง 40 ล้านยูโร สู่ขอ เดอ ลิกต์

เสือใต้เซย์โนผีขี้ตืดยื่นไม่ถึง 40 ล้านยูโร สู่ขอ เดอ ลิกต์

 

แมนฯ ยูไนเต็ด (manchester united) ยังคงช็อปอย่างต่อเนื่องแม้จะปิดดีลนักเตะในช่วงซัมเมอร์นี้มาถึง 2 คนแล้วก็ตาม ล่าสุดมีรายงานออกมาจาก ฟลอเรียน เพลตเท่นเบิร์ก (florian plettenberg) สายข่าวจากสกายสปอร์ตเยอรมันนี (sky sport) เกี่ยวกับการยื่นข้อเสนอเพื่อสู่ขอ มัตไธจ์ เดอ ลิกต์(Matthijs de Ligt) ปราการหลังวัย 24 ปี ชาวเนเธอแลนด์ จากบาเยิร์น มิวนิค (bayern munich) ยักษ์ใหญ่ในเยอรมันแต่ทว่าทางทีมเสือใต้ยังคงปฏิเสธข้อเสนอนี้ออกไปโดยให้เหตุผลว่าข้อเสนอที่ทางทีมดังจากเมืองแมนเชสเตอร์ยื่นเข้ามานั้นต่ำกว่าที่ทางทีมเสือใต้ตั้งเอาไว้นั่นเอง ก่อนหน้านี้ มัตไธจ์ เดอ ลิกต์ (Matthijs de Ligt) ตกเป็นเป้าหมายหลักของแมนฯ ยูไนเต็ด (manchester united) มาอย่างต่อเหนื่องหลังทางฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด (manchester united) ต้องเสียสองกองหลังออกไปในช่วงซัมเมอร์นี้ทั้ง ราฟาเอล วาราน (raphaël varane) และ วิลลี่ คัมบวาล่า (willy kambwala) อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนในนักเตะตำแหน่งกองหลังหลายๆ คน ในฤดูกาลที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ชัดเลยว่าทางฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด (manchester united) นั้นประสบปัญหาเรื่องตำแหน่งกองหลังมาโดยตลอดจนทำให้นักลงทุนที่ ทดลอง แทงบอล ต้องหัวเสียไปตามๆกัน หลังนักเตะกองหลังผลัดกันเจ็บผลัดกันหายตลอดทั้งฤดูกาล ทั้งแฮรี่ แม็คไกวร์ (harry maguire),วิคตอร์ ลินเดอร์เลิฟ (victor Lindelöf) รวมไปถึง ลิซานโดร มาร์ติเนซ(lisandro Martinez) ทำให้กุนซือสมองใสอย่าง เอริค เทน ฮาก(Erik ten Hag) ลุยตลาดซัมเมอร์นี้ด้วยการตั้งเป้าหมายไปที่กองหลังตัวกลางเป็นสำคัญ อย่างที่เราเห็นไปก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะปิดดีลได้ตัวของ เลนี่ โยโร่(leny yoro) ปราการหลังอนาคตไกล วัย 18 ปีมากจากลีลล์(Lille Olympique Sporting Club)ในฝรั่งเศส เรียกได้ว่าเป็นการตัดหน้ารีล มาดริด (Real Madrid) คว้าตัวเข้าสู่ทีมมาได้ แต่ก็ยังคงไม่สาแก่ใจทีมปิศาจแดง ทางสโมสรยังคงเห็นว่าจำเป็นต้องมีการเสิรมทัพในตำแหน่งนี้เพิ่มเติมอีก และก็ยังเป็น มัตไธจ์ เดอ ลิกต์ (Matthijs de Ligt) ที่ได้รับความสนใจอยู่เช่นเดิม ทางแมนฯ ยูไนเต็ด (manchester united) ได้มีการยื่นข้อเสนอไปตามที่ ฟลอเรียน เพลตเท่นเบิร์ก (florian plettenberg) รายงานออกมาแต่ก็ยังคงไม่ถึงราคา 40 ล้านยูโรที่ทาง บาเยิร์น มิวนิค (bayern munich) ตั้งเอาไว้ทำให้ทางทีมปิศาจแดงโดนปฏิเสธกลับมา ทั้งนี้ทางฝั่งตัวนักเตะเองอย่างมัตไธจ์ เดอ ลิกต์ (Matthijs de Ligt) ก็มีใจเอนเอียงอยากย้ายมาเข้าร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด (manchester united) เช่นกัน ทำให้การยื่นข้อเสนอใหม่น่าจะยังมีขึ้นอีกในเร็วๆนี้ ด้วยการเสริมทัพที่ถือว่ายอดเยี่ยมในตลาดรอบนี้ก็คาดว่าน่าจะทำให้นักลงทุน ที่อยาก ทดลอง แทงบอล ได้ลองลงทุนอยู่ไม่น้อยจากนี้เชื่อว่าการลงทุนในตลาดนักเตะรอบนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด (manchester united)  น่าจะยังไม่จบและน่าจะมีดีลใหม่ๆ มาทำให้แฟนบอล และเหล่านักลงทุนที่ชื่นชอบ ทดลอง แทงบอล ได้กระชุ่มกระชวยหัวใจอีกแน่นอนรอติดตามกันได้เลย

 

คีเลียน เอ็มบัปเป้ เปิดตัวกับเรอัล มาดริดอย่างเป็นทางการ

คีเลียน เอ็มบัปเป้ เปิดตัวกับเรอัล มาดริดอย่างเป็นทางการ

ความฝันในวัยเด็กกลายเป็นความจริง

เว็ปไซด์ ทางเข้า sbobet ได้รายงานข่าวว่า คีเลียน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส (France) วัย 25 ปี เปิดตัวกับ เรอัล มาดริด (Real Madrid) อย่างเป็นทางการที่สนามเบอร์นาเบว ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 80,000 คน โดยเอ็มบัปเป้เซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปีหลังจากหมดสัญญากับปารีส แซงต์-แชร์กแมง (Paris Saint-Germain) ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ความตื่นเต้นและความสุขของเอ็มบัปเป้

เอ็มบัปเป้กล่าวถึงความฝันในวัยเด็กที่ต้องการเล่นให้กับเรอัล มาดริดว่า “ผมใช้คืนที่นับไม่ถ้วนฝันถึงการเล่นให้กับเรอัล มาดริด และวันนี้ผมเป็นคนที่มีความสุขมาก” เอ็มบัปเป้ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ครอบครัวของผมมีความสุขมากที่นี่ ผมเห็นแม่ของผมร้องไห้ นี่เป็นวันที่น่าทึ่งสำหรับผม ผมฝันถึงวันนี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กและวันนี้มีความหมายกับผมมาก”

การต้อนรับจากแฟนบอลและประธานสโมสร

ในวันเปิดตัว เอ็มบัปเป้สวมชุดเหย้าใหม่ของเรอัล มาดริดและกล่าวปราศรัยกับแฟนบอลเป็นภาษาสเปน โดยมีฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรเรอัล มาดริด เป็นผู้แนะนำเอ็มบัปเป้ให้กับแฟนบอล

เปเรซกล่าวถึงความรักและความผูกพันของเอ็มบัปเป้ที่มีต่อเรอัล มาดริดตั้งแต่ยังเด็กว่า “ความรักที่คุณมีต่อเรอัล มาดริดและการที่คุณระบุถึงสโมสรนี้ตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้คุณสามารถมาที่นี่และเอาชนะอุปสรรคเพื่อไปถึงความฝันของคุณได้”

การมาถึงที่รอคอยมานาน

สำหรับเปเรซ การมาของเอ็มบัปเป้เป็นสิ่งที่รอคอยมานาน และเป็นการเสริมทัพที่สมบูรณ์แบบหลังจากที่เรอัล มาดริดเคยพยายามยื่นข้อเสนอ 137 ล้านปอนด์สำหรับเอ็มบัปเป้เมื่อสามปีก่อนแต่ไม่สำเร็จ

แม้ว่าปารีส แซงต์-แชร์กแมงจะได้รับข้อเสนอที่เป็นสถิติโลกจากสโมสรอัล-ฮิลาลในซาอุดิอาระเบียจำนวน 259 ล้านปอนด์ในปี 2023 แต่เอ็มบัปเป้ปฏิเสธข้อเสนอนั้นเพราะเขาต้องการย้ายไปที่เบอร์นาเบว

ปารีส แซงต์-แชร์กแมงและอนาคตของเอ็มบัปเป้

ปารีส แซงต์-แชร์กแมงพยายามเสนอสัญญาใหม่ให้กับเอ็มบัปเป้แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ส่งผลให้เอ็มบัปเป้ถูกตัดชื่อออกจากการทัวร์พรีซีซั่นของทีม อย่างไรก็ตามในภายหลังผู้จัดการทีมหลุยส์ เอ็นริเก้ ได้พาเอ็มบัปเป้กลับเข้าร่วมทีมอีกครั้ง

เอ็มบัปเป้ย้ายออกจากปารีส แซงต์-แชร์กแมงโดยทำประตูให้กับทีมได้ทั้งหมด 256 ประตูจากการลงเล่น 308 นัด ซึ่งเป็นสถิติที่น่าประทับใจ

ความสำคัญของการเซ็นสัญญาครั้งนี้

เว็ปไซด์ ทางเข้า sbobet ได้เปิดเผยว่าการเซ็นสัญญาของเอ็มบัปเป้กับเรอัล มาดริดไม่เพียงแต่เป็นการเติมเต็มความฝันของนักเตะ แต่ยังเป็นการเสริมทัพที่สำคัญสำหรับเรอัล มาดริดอีกด้วย การมาของเอ็มบัปเป้จะเพิ่มความแข็งแกร่งในแนวรุกและเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของสโมสรในการคว้าแชมป์ในฤดูกาลที่จะมาถึง

การเปิดตัวของคีเลียน เอ็มบัปเป้ที่สนามเบอร์นาเบวถือเป็นวันที่น่าจดจำ ทั้งสำหรับนักเตะเองและแฟนบอลของเรอัล มาดริดทั่วโลก การได้เห็นความฝันในวัยเด็กของเอ็มบัปเป้กลายเป็นความจริงเป็นสิ่งที่น่าประทับใจและสร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟนบอลและนักเตะรุ่นใหม่

 

ทีมชาติ-อังกฤษ-รองแชมป์ยูโร

ฟุตบอล ยูโร 2024 ทีมชาติ อังกฤษ รองแชมป์ยูโร

ฟุตบอล ยูโร 2024 ทีมชาติ อังกฤษ รองแชมป์ยูโร

ในนัดชิงชนะเลิศยูโร 2024 สเปน เอาชนะ อังกฤษ 2-1 คว้าแชมป์ไปครอง ขณะที่ อังกฤษ ต้องจบเป็นรองแชมป์อีกครั้ง
ครึ่งแรกเป็นเกมที่สูสีมาก โดยสเปนครองบอลได้มากกว่า แต่ อังกฤษ ก็มีโอกาสลุ้นประตูเช่นกัน จบ 45 นาทีแรกเสมอ 0-0
ต้นครึ่งหลัง นาทีที่ 47 นิโก วิลเลี่ยมส์ ทำประตูให้ สเปน ขึ้นนำ 1-0 จากการจ่ายบอลของ ลามีน ยามาล อังกฤษ พยายามเร่งเกมและมาตีเสมอได้ในนาทีที่ 73 จาก โคล พาลเมอร์
อย่างไรก็ตาม สเปนมาได้ประตูชัยในนาทีที่ 86 จาก มิเกล โอยาร์ซาบัล ตัวสำรองที่เพิ่งลงสนาม จบเกม สเปน เอาชนะไป 2-1
ไฮไลท์สำคัญ:
โรดรี้ คว้าตำแหน่ง MVP ของทัวร์นาเมนต์
ลามีน ยามาล (17 ปี 1 วัน) กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่คว้าแชมป์ยูโร พร้อมรับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม
อังกฤษ เข้าชิงเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน แต่ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ได้

วิเคราะห์ตัวผู้เล่น ทีมชาติ อังกฤษ
ทีมชาติ อังกฤษ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในแกนหลักของทีมตลอดการแข่งขันยูโร 2024 มาร่วม วิเคราะห์บอล sbobet กับเราได้ โดยมีการใช้งานผู้เล่นดังนี้:
ผู้เล่นที่ลงสนามทุกนัด (6 เกม):
จอร์แดน พิคฟอร์ด (ผู้รักษาประตู)
จอห์น สโตนส์ (กองหลัง)
คีแรน ทริปเปียร์ (กองหลัง)
ไคล์ วอล์คเกอร์ (กองหลัง)
จู๊ด เบลลิงแฮม (กองกลาง)
เดแคลน ไรซ์ (กองกลาง)
ฟิล โฟเด้น (กองกลาง)
บูคาโย่ ซาก้า (กองหน้า)
แฮร์รี่ เคน (กองหน้า)

ผู้เล่นที่ไม่ได้ลงสนามเลย:
อดัม วอร์ตัน
ลูวิส ดังค์
โจ โกเมซ

11 ตัวจริง ทีมชาติ อังกฤษ ในนัดชิงชนะเลิศยูโร 2024
ในเกมชิงชนะเลิศยูโร 2024 ที่พบกับ ทีมชาติ สเปน ทีมชาติ อังกฤษ ส่ง 11 ตัวจริงลงสนามโดยใช้รูปแบบการเล่น 3-4-2-1 ดังนี้:

ผู้รักษาประตู:
จอร์แดน พิคฟอร์ด

แนวรับ 3 คน:
ไคล์ วอล์คเกอร์
จอห์น สโตนส์
มาร์ค เกฮี

กองกลางตัวรับ 4 คน:
บูคาโย่ ซาก้า (วิงแบ็คขวา)
เดแคลน ไรซ์
ค็อบบี้ เมนู
ลุค ชอว์ (วิงแบ็คซ้าย)

กองกลางตัวรุก 2 คน:
จู๊ด เบลลิงแฮม
ฟิล โฟเด้น

กองหน้า:
แฮร์รี่ เคน

การจัดทัพครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการปรับรูปแบบการเล่นของ ทีมชาติ อังกฤษ โดยเน้นความแข็งแกร่งในแนวรับด้วยการใช้ 3 เซ็นเตอร์แบ็ค ขณะเดียวกันก็เพิ่มความคล่องตัวในแดนกลางด้วยการใช้วิงแบ็คที่สามารถรุกและรับได้อย่าง ซาก้า และ ชอว์
การใช้ เบลลิงแฮม และ โฟเด้น เป็นตัวรุกคอยสนับสนุน เคน สะท้อนให้เห็นถึงความหวังในการสร้างสรรค์โอกาสทำประตูผ่านความคิดสร้างสรรค์และการเคลื่อนที่ที่ยอดเยี่ยมของทั้งสองคน

เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศยูโร 2024 ของ ทีมชาติ อังกฤษ
ทีมชาติ อังกฤษ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นตลอดการแข่งขันยูโร 2024 โดยเอาชนะคู่แข่งที่แข็งแกร่งหลายทีมในเส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ

รอบแบ่งกลุ่ม:
เซอร์เบีย 0-1 อังกฤษ
เดนมาร์ก 1-1 อังกฤษ
อังกฤษ 0-0 สโลวีเนีย

อังกฤษ ผ่านเข้ารอบด้วยผลงานไม่แพ้ใคร แม้จะทำได้เพียงชนะ 1 เสมอ 2 แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในเกมรับ โดยเสียประตูเพียง 1 ลูกเท่านั้น
รอบน็อคเอาต์:

รอบ 16 ทีม: 
อังกฤษ 2-1 สโลวาเกีย

รอบ 8 ทีม: 
อังกฤษ 5-3 สวิสเซอร์แลนด์ (เสมอ 1-1 ในเวลาปกติ)

รอบรองชนะเลิศ: 
เนเธอร์แลนด์ 1-2 อังกฤษ

ในรอบน็อคเอาต์ อังกฤษ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจและความสามารถในการเอาชนะคู่แข่งที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในรอบ 8 ทีมที่ต้องดวลจุดโทษกับสวิสเซอร์แลนด์ และการเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ ในรอบรองชนะเลิศ
สถิติน่าสนใจ:
ไม่แพ้ใครตลอด 6 นัด (ชนะ 4 เสมอ 2)
ยิงได้ 11 ประตู เสียเพียง 6 ประตู
รักษาคลีนชีตได้ 2 นัด

จุดเด่น:
ความแข็งแกร่งในเกมรับ โดยเฉพาะในรอบแบ่งกลุ่ม
ความสามารถในการทำประตูที่เพิ่มขึ้นในรอบน็อคเอาต์
ความเด็ดขาดในช่วงต่อเวลาพิเศษและการดวลจุดโทษ

เส้นทางอันยากลำบากนี้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของ ทีมชาติ อังกฤษ ในการลุ้นแชมป์ยูโรเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ ทางเรายังมีการ วิเคราะห์บอล ผ่าน วิเคราะห์บอล sbobet สามารถมาร่วมสนุกกับเราได้ตลอด 24 ชม.

จับตาให้ดี! 3 จุดอันตราย สเปน ปะทะ ฝรั่งเศส ศึกยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศ

สุดยอดเกมบิ๊กแมตช์ระหว่าง สเปน (Spain) พบ ฝรั่งเศส (France) เกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลยูโร 2024 ล่าสุด ถือเป็นไฮไลท์ของทัวร์นาเมนต์บนแผ่นดินเยอรมนี เพราะผู้ชนะในคู่นี้มีโอกาสสูงที่จะก้าวขึ้นมาชูโทรฟี่ “อองรี เดอ โลเนย์”

การดวลกันระหว่าง ทัพ “กระทิงดุ” เจ้าของแชมป์ยูโร 3 สมัย กับ “ตราไก่” แชมป์ยูโร 2 สมัย คาดว่าจะเป็นเกมที่สนุกสูสี เพราะทั้งสองทีมอุดมไปด้วยขุมกำลังชั้นยอด อย่างไรก็ตาม สเปน ดูเหมือนจะได้เปรียบเล็กน้อยในเรื่องเกมรุกที่มีความรวดเร็วว่องไว และเฉียบคม ขณะที่เกมรับก็แข็งแกร่ง เสียแค่ 2 ประตูให้กับ จอร์เจีย (รอบ 16 ทีมสุดท้าย) และ เยอรมนี (รอบ 8 ทีมสุดท้าย)ฟุตบอลยูโร 2024 ล่าสุด

ทางฝรั่งเศสของกุนซือดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ มีการเตรียมตัวมาอย่างดี แม้พวกเขาจะทำได้เพียง 3 ประตูนับตั้งแต่เริ่มทัวร์นาเมนต์ โดยไม่มีจังหวะโอเพ่นเพลย์เลย ทั้ง 3 ลูกมาจากการทำเข้าประตูตัวเองของคู่แข่ง 2 หน และอีก 1 ประตูมาจากลูกจุดโทษของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้

การดวลกันในครั้งนี้ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ และเกมนี้อาจจะตัดสินกันใน 3 จุดสำคัญ ซึ่งหากทีมใดทำได้ดีกว่า มีโอกาสสูงที่จะได้เข้าไปเล่นในรอบชิงที่สนามโอลิมเปีย สตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคมนี้

1. ก็องเต้ vs โรดรี้

โรดรี้ (Rodri) เป็นนักเตะที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับทีมชาติสเปน ไม่ต่างอะไรกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (N’Golo Kanté) ที่ได้ชื่อว่าเป็น “เดอะ แบก” ของทัพ “เลส์ เบลอส์” มาตลอดในช่วงหลายปี โดยเฉพาะในยูโร 2024 นี้ โรดรี้จะเป็นตัวคุมจังหวะการเล่น และเชื่อมเกมในแดนกลางให้ทัพ “กระทิงดุ” เขายังมีทีเด็ดในเรื่องการยิงประตูด้วย

ด้านก็องเต้ แม้อายุจะปาเข้าไป 33 ปีแล้วแต่ยังเต็มไปด้วยพละกำลัง สามารถวิ่งได้ทั่วสนาม และพร้อมทุ่มเทในการตัดเกมทุกจังหวะ ซึ่งทำให้เขามีส่วนสำคัญกับฝรั่งเศสในช่วงที่ผ่านมา

2. ยามาล vs แอร็งน็องเดซ

ยามาล (Yamal) สตาร์วัย 16 ปีจากบาร์เซโลน่า กำลังเฉิดฉายในการลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับชาติครั้งแรก โดยสร้างสถิติเป็นพ่อค้าแข้งอายุน้อยที่สุดในยูโร 2024 ที่ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง ยามาลโชว์ฟอร์มได้เก่งเกินวัยโดยช่วยแอสซิสต์ให้สเปนไปแล้ว 3 ครั้ง

ยามาลจะต้องเผชิญหน้ากับ เตโอ แอร็งน็องเดซ (Lucas Hernandez) หนึ่งในแบ็กซ้ายที่เก่งที่สุดในโลก แม้ว่าฝรั่งเศสจะพบกับความยากลำบากในการเล่นเกมรุกตลอด 5 แมตช์ที่ผ่านมา แต่ฟูลแบ็กจากเอซี มิลาน มักจะดันขึ้นไปเล่นเกมรุกและทำให้ฝรั่งเศสสร้างโอกาสได้หลายครั้ง

3. เอ็มบัปเป้ vs แนวรับสเปน

คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) ยังไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ด้วยศักยภาพของเขายังคงเป็นผู้เล่นที่อันตรายที่สุดที่บรรดาแนวรับของสเปนห้ามประมาท การ์บาฆาลติดโทษแบนจากเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทำให้สเปนอาจต้องหาผู้เล่นที่สามารถรับมือกับเอ็มบัปเป้ได้ตลอดทั้งเกม ไม่อย่างนั้นมีสิทธิ์ที่จะโดนปั่นป่วนได้

การเลือกผู้เล่นของกุนซือหลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ จะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้ทีมรับมือกับเอ็มบัปเป้ได้ โดยคาดว่า นาบาส คงได้เล่นแทนการ์บาฆาล ขณะที่นาโช่ เฟร์นานเดซ น่าจะมาแทน โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์ ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก

การดวลกันระหว่างสองทีมยักษ์ใหญ่ สเปนและฝรั่งเศส จะเป็นการต่อสู้ที่ยากเย็นและเข้มข้น ทั้งในด้านเกมรุกและเกมรับ ความสามารถและความเฉียบขาดในแต่ละจุดสำคัญจะตัดสินว่าใครจะเป็นฝ่ายเข้าชิงและมีโอกาสคว้าถ้วย ฟุตบอลยูโร 2024 ล่าสุด ไปครอง

สวิตเซอร์แลนด์-พบ-อังกฤษ

ฟุตบอลยูโร 2024 รอบ 8 ทีม ระหว่าง สวิตเซอร์แลนด์ พบ อังกฤษ

ฟุตบอลยูโร 2024 รอบ 8 ทีม ระหว่าง สวิตเซอร์แลนด์ พบ อังกฤษ

ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์

11 ตัวจริงทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ สำหรับเกมพบอังกฤษ

ผู้รักษาประตู:
ยานน์ ซอมเมอร์

แนวรับ:
มานูเอล อคานจี
ฟาเบียน แชร์
ริคาร์โด โรดริเกซ
ฟาเบียน รีเดอร์

แดนกลาง:
รูเบน วาร์กัส
กรานิต ชากา
เรโม ฟรอยเลอร์
ไมเคิล เอบิสเชอร์

แนวรุก:
บรีล เอ็มโบโล
แดน เอ็นดอย

การจัดทัพของสวิตเซอร์แลนด์ครั้งนี้ ผสมผสานระหว่างประสบการณ์และพลังหนุ่ม โดยมี ซอมเมอร์ เฝ้าเสา อคานจี นำทัพแนวรับ ชากา คุมจังหวะในแดนกลาง และ เอ็มโบโล เป็นความหวังในแนวรุก ทีมตั้งเป้าสร้างผลงานที่ดีเพื่อเอาชนะคู่แข่งอย่าง อังกฤษ ยูโร 2024 ให้ได้

ผลงานทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ในรอบ 16 ทีม ยูโร 2024

สวิตเซอร์แลนด์สร้างเซอร์ไพรส์ส่งอิตาลีร่วงรอบ 16 ทีม ยูโร 2024
สวิตเซอร์แลนด์โชว์ฟอร์มเยี่ยมเอาชนะอิตาลี แชมป์เก่า 2-0 ในศึกยูโร 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทะลุเข้ารอบ 8 ทีมเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
ไฮไลท์สำคัญ:

นาทีที่ 37: เรโม่ ฟรอยเลอร์ ยิงให้สวิตเซอร์แลนด์นำ 1-0
นาทีที่ 46: รูเบน วาร์กาส ซัดประตูที่สอง เพิ่มสกอร์เป็น 2-0

การวิเคราะห์เกม:
สวิตเซอร์แลนด์เล่นได้อย่างมีวินัยและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในแดนกลางและแนวรับ ขณะที่แนวรุกฉกฉวยโอกาสได้อย่างเฉียบขาด อิตาลีพยายามเร่งเกมในครึ่งหลังแต่ไม่สามารถเจาะแนวรับที่แข็งแกร่งของสวิตเซอร์แลนด์ได้
ผู้เล่นเด่น:

รูเบน วาร์กาส: ทำประตูสวยและมีส่วนร่วมในเกมรุกตลอดทั้งเกม
เรโม่ ฟรอยเลอร์: ซัดประตูสำคัญเปิดทางชัยชนะ
มานูเอล อคานจี: นำทัพแนวรับปิดทางอิตาลีได้อย่างยอดเยี่ยม

ก้าวต่อไป:
สวิตเซอร์แลนด์จะเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย พบกับผู้ชนะระหว่าง อังกฤษ ยูโร 2024 และสโลวาเกีย ในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม เวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ชัยชนะนี้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ และตอกย้ำสถานะการเป็นทีมแกร่งในระดับทวีปยุโรป

ผลงานทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ในรอบแบ่งกลุ่ม ยูโร 2024

สวิตเซอร์แลนด์ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ด้วยผลงานไร้พ่ายในรอบแบ่งกลุ่ม โดยมีรายละเอียดดังนี้:
นัดแรก (15 มิถุนายน 2024):
สวิตเซอร์แลนด์ 3-1 ฮังการี (สนามกลาง)
เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์อย่างสวยหรูด้วยชัยชนะเหนือฮังการี
นัดที่สอง (20 มิถุนายน 2024):
สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 สกอตแลนด์ (สนามกลาง)
เกมที่สูสีจบลงด้วยการแบ่งแต้มกับทีมแกร่งจากบริเทนใหญ่
นัดสุดท้าย (24 มิถุนายน 2024):
เยอรมนี 1-1 สวิตเซอร์แลนด์ (เยือน)
ปิดท้ายรอบแบ่งกลุ่มด้วยผลเสมอกับเจ้าภาพ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทีม
สรุป: ชนะ 1, เสมอ 2, แพ้ 0
ประตูได้ 5, เสียประตู 3
ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์แสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอและความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในเกมเยือนเยอรมนีที่สามารถเก็บแต้มได้ แนวรุกทำผลงานได้ดีด้วยการยิง 5 ประตูใน 3 นัด ขณะที่แนวรับก็รักษาความหนาแน่นได้ดี ผลงานโดยรวมถือว่าน่าพอใจ ทำให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้อย่างน่าประทับใจ

ซูเปอร์คอมฟันธงรอบน็อกเอาต์16ทีม-ใครมีโอกาสถึงแชมป์ ยูโร 2024

ซูเปอร์คอมฟันธงรอบน็อกเอาต์16ทีม-ใครมีโอกาสถึงแชมป์ ยูโร 2024

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี ได้เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว บริษัท ออปตา ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติและการวิเคราะห์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้นำซูเปอร์คอมพิวเตอร์มาวิเคราะห์โอกาสของแต่ละทีมในการเป็นแชมป์ ซึ่งผลการวิเคราะห์นี้ได้สร้างความสนใจและตื่นเต้นให้กับแฟนบอลทั่วโลก

ผลวิเคราะห์จากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของออปตาได้แสดงให้เห็นว่า ทีมชาติอังกฤษมีโอกาสดีที่สุดที่จะเป็นแชมป์ ยูโร 2024 ด้วยความเป็นทีมที่มีสถิติที่ดีในรอบคัดเลือกและความสามารถของนักเตะที่ยอดเยี่ยม

ผลวิเคราะห์การแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้าย(โดยคำนวนจาก ผลบอล ยูโร 2024 รอบคัดเลือก

สวิตเซอร์แลนด์ พบ อิตาลี

สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 46.92%
อิตาลี ชนะ 53.08%
เยอรมนี พบ เดนมาร์ก

เยอรมนี ชนะ 69.58%
เดนมาร์ก ชนะ 30.42%
อังกฤษ พบ สโลวาเกีย

อังกฤษ ชนะ 81.80%
สโลวาเกีย ชนะ 18.20%
สเปน พบ จอร์เจีย

สเปน ชนะ 82.44%
จอร์เจีย ชนะ 17.66%
ฝรั่งเศส พบ เบลเยียม

ฝรั่งเศส ชนะ 68.27%
เบลเยียม ชนะ 31.73%
โปรตุเกส พบ สโลวีเนีย

โปรตุเกส ชนะ 75.72%
สโลวีเนีย ชนะ 24.28%
โรมาเนีย พบ เนเธอร์แลนด์

โรมาเนีย ชนะ 32.46%
เนเธอร์แลนด์ ชนะ 67.54%
ออสเตรีย พบ ตุรกี

ออสเตรีย ชนะ 59.93%
ตุรกี ชนะ 40.07%
โอกาสในการเป็นแชมป์ ยูโร 2024

อังกฤษ(England) 19.12%
เยอรมนี(Germany) 16.09%
สเปน(Spain) 15.41%
ฝรั่งเศส(France) 13.26%
โปรตุเกส(Portugal) 12.48%
เนเธอร์แลนด์(Netherlands) 6.73%
อิตาลี(Italy) 4.46%
ออสเตรีย(Austria) 3.64%
สวิตเซอร์แลนด์(Switzerland) 2.26%
เบลเยียม(Belgium) 2.09%
ตุรกี(Turkiye) 1.36%
เดนมาร์ก(Denmark) 1.24%
โรมาเนีย(Romania) 0.93%
สโลวาเกีย(Slovakia) 0.41%
สโลวีเนีย(Slovenia) 0.40%
จอร์เจีย(Georgia) 0.13%
จากการวิเคราะห์นี้ อังกฤษได้รับการยกย่องว่ามีโอกาสดีที่สุดในการเป็นแชมป์ ด้วยอัตรา 19.12% ตามมาด้วยเยอรมนีที่ 16.09% และสเปนที่ 15.41% ทีมที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีโอกาสน้อยที่สุดในการเป็นแชมป์คือ จอร์เจีย ที่มีเพียง 0.13%

การวิเคราะห์จากซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้สะท้อนถึงสถิติและผลงานของทีมในรอบคัดเลือก แต่ฟุตบอลยังเป็นกีฬาที่มีความไม่แน่นอนสูง และผลการแข่งขันสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ โดยเฉพาะในทัวร์นาเมนต์ใหญ่แบบนี้

การแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายจะเป็นการทดสอบความสามารถและความพร้อมของแต่ละทีม การวิเคราะห์จากซูเปอร์คอมพิวเตอร์เป็นเพียงการประเมินความน่าจะเป็น แต่สุดท้ายแล้วผลการแข่งขันในสนามจะเป็นตัวชี้วัดที่แท้จริงว่าใครจะได้ครองแชมป์ ติดตามเราไว้เพื่อไม่พลาดอัพเดทข่าวสาร ผลบอล ยูโร 2024 รอบคัดเลือก และ ยูโร 2024 รอบน็อกเอาต์ อย่างใกล้ชิด

คอนเฟิร์ม 16 ทีมลุยรอบน็อกเอาต์ ยูโร 2024 ทีมใหญ่มาครบ, จอร์เจีย สร้างเซอร์ไพรส์!

คอนเฟิร์ม 16 ทีมลุยรอบน็อกเอาต์ ยูโร 2024 ทีมใหญ่มาครบ, จอร์เจีย สร้างเซอร์ไพรส์!

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2024” ที่ประเทศเยอรมนีได้เดินทางผ่านรอบแบ่งกลุ่มเป็นที่เรียบร้อย หลังเสร็จสิ้นการแข่งขันในกลุ่ม อี และ เอฟ เมื่อคืนวันพุธที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่า ตอนนี้เราได้ทีมที่ผ่านเข้าไปลุยต่อในรอบ 16 ทีมสุดท้ายครบแล้ว  วันนี้ทาง sbobet 888 จะพามาสรุปผลการแข่งขันของแต่ล่ะกลุ่ม

เยอรมนี เจ้าภาพและแชมป์กลุ่ม เอ เข้ารอบตามคาดหลังจากชนะสกอตแลนด์ 5-1, ชนะฮังการี 2-0, และเสมอสวิตเซอร์แลนด์ 1-1 ด้วยการทำประตูช่วงทดเจ็บของนิคลาส ฟูลล์ครูก ส่วนสวิตเซอร์แลนด์ รองแชมป์กลุ่ม เอ ก็สร้างผลงานที่ดีเช่นกัน โดยชนะฮังการี 3-1, เสมอสกอตแลนด์ 1-1 และเสมอเยอรมนี 1-1

สเปน แชมป์กลุ่ม บี ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมโดยชนะโครเอเชีย 3-0, ชนะอิตาลี 1-0 และชนะแอลเบเนีย 1-0 โดยไม่เสียประตูเลย ส่วนอิตาลี รองแชมป์กลุ่ม บี ผ่านเข้ารอบด้วยการชนะ แอลเบเนีย 2-1, แพ้สเปน 0-1 และเสมอโครเอเชีย 1-1

อังกฤษ แชมป์กลุ่ม ซี เข้ารอบแม้จะไม่โดดเด่นเท่าที่ควร แต่ก็ยังสามารถผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มด้วยการชนะเซอร์เบีย 1-0, เสมอเดนมาร์ก 1-1 และเสมอสโลวีเนีย 0-0 ส่วนเดนมาร์ก รองแชมป์กลุ่ม ซี เข้ารอบแม้จะไม่ชนะใครเลย โดยเสมอสโลวีเนีย 1-1, เสมออังกฤษ 1-1 และเสมอเซอร์เบีย 0-0 ขณะที่สโลวีเนีย อันดับสามกลุ่ม ซี ก็สามารถผ่านเข้ารอบในฐานะหนึ่งในทีมอันดับสามที่ผลงานดีที่สุด

ออสเตรีย แชมป์กลุ่ม ดี ทำผลงานได้เยี่ยมชนิดหักปากกาเซียน โดยชนะโปแลนด์ 3-1 และชนะเนเธอร์แลนด์ 3-2 หลังจากแพ้ฝรั่งเศส 0-1 ในเกมแรก ส่วนฝรั่งเศส รองแชมป์กลุ่ม ดี เข้ารอบแม้ฟอร์มการเล่นไม่ค่อยน่าประทับใจ โดยชนะออสเตรีย 1-0 เสมอเนเธอร์แลนด์ 0-0 และเสมอโปแลนด์ 1-1 ด้านเนเธอร์แลนด์ อันดับสามกลุ่ม ดี ก็คว้าตั๋วเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ด้วยการมี 4 แต้ม

โรมาเนีย แชมป์กลุ่ม อี ผ่านเข้ารอบด้วยการมีสถิติดีสุดในเรื่องประตูได้-เสีย โดยชนะยูเครน 3-0, แพ้เบลเยียม 0-2 และเสมอสโลวาเกีย 1-1 ส่วนเบลเยียม รองแชมป์กลุ่ม อี ก็คว้าตั๋วเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ด้วยการชนะโรมาเนีย 2-0, เสมอยูเครน 0-0 และแพ้สโลวาเกีย 0-1 ด้านสโลวาเกีย อันดับสามกลุ่ม อี ก็สามารถผ่านเข้ารอบในฐานะหนึ่งในทีมอันดับสามที่ผลงานดีที่สุด

โปรตุเกส แชมป์กลุ่ม เอฟ เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มแม้จะแพ้จอร์เจียในนัดสุดท้าย โดยชนะเช็ก 2-1 และชนะตุรกี 3-0 ส่วนตุรกี รองแชมป์กลุ่ม เอฟ ก็คว้าตั๋วเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ด้วยการชนะจอร์เจีย 3-1 และชนะเช็ก 2-1 ด้านจอร์เจีย อันดับสามกลุ่ม เอฟ ก็สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการชนะโปรตุเกส 2-0 และผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์เป็นครั้งแรก

เดนมาร์ก เฉือนเข้ารอบ ยูโร 2024 แม้เสมอ เซอร์เบีย ที่ตกรอบ

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2024 เกมในกลุ่ม ซี

ที่สนามมิวนิก ฟุตบอล อารีนา ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) พบกับ ทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia) ผลการแข่งขันเป็นการเสมอกัน 0-0 แม้ทีมชาติเดนมาร์กจะไม่สามารถทำประตูได้ แต่ก็สามารถรักษาตำแหน่งรองแชมป์กลุ่มและผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

สำหรับทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark)

เกมนี้พวกเขาจัดตัวผู้เล่นโดยส่ง อเล็กซานเดอร์ บาห์ (Alexander Bah), มอร์เตน ยูลแมนด์ (Morten Hjulmand), ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก (Pierre-Emile Højbjerg), โยอาคิม เมห์เล (Joakim Mæhle), คริสเตียน อีริกเซน (Christian Eriksen), โยนาส วินด์ (Jonas Wind) และ ราสมุส ฮอยลุนด์ (Rasmus Højlund) ลงสนาม เพียงขอแค่ไม่แพ้ก็จะผ่านเข้ารอบต่อไป ส่วนทางด้านทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia) ที่ต้องการชัยชนะเพียงสถานเดียว เปลี่ยนตัวผู้เล่นตัวจริง 3 ตำแหน่ง ส่ง เนมันยา กูเดลจ์ (Nemanja Gudelj), มิเซอร์ยาน มิไยโลวิช (Mihailo Ristić) และดร็อป ดูซาน วลาโฮวิช (Dušan Vlahović) เพื่อส่ง ลาซาร์ วูยาดิน ซามาร์ชิช (Lazar Samardžić) เล่นกับ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (Aleksandar Mitrović) ในแนวรุก

เริ่มครึ่งแรก ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark)

ครองบอลเหนือกว่า มีโอกาสลุ้นทำประตูอยู่หลายครั้ง นาทีที่ 15 เมห์เล่ (Mæhle) เติมเกมริมเส้นครอสเข้าเขตโทษให้ บาห์ (Bah) สอดเข้ามาโหม่งแต่หลุดกรอบออกไป นาทีที่ 21 คริสเตียน อีริกเซน (Eriksen) สร้างจังหวะด้วยลูกยิงที่เฉี่ยวเสาประตูออกไปอย่างน่าหวาดเสียว ต่อมานาทีที่ 31 ราสมุส ฮอยลุนด์ (Højlund) กองหน้าวัย 21 ปี ได้ส่องจากหน้ากรอบเขตโทษแต่ เปรดรัก รายโควิช (Predrag Rajković) ผู้รักษาประตูของเซอร์เบีย (Serbia) ยังคงรับบอลไว้ได้ หมดครึ่งแรกยังไม่มีทีมใดสามารถทำประตูได้ จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

เข้าสู่ครึ่งหลัง ทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia)

เปิดเกมรุกมากขึ้น แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอ ส่วนทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) เน้นครองบอลและรอจังหวะเข้าทำ นาทีที่ 55 ดูซาน ทาดิช (Dušan Tadić) ลงสนามมาสร้างโอกาสทันที โดยจ่ายทะลุช่องให้ โยวิช (Jović) หลุดเข้าเขตโทษก่อนที่ แอนเดอร์เซ่น (Andersen) จะตามมาบล็อกแต่กลายเป็นส่งลูกเข้าประตูตัวเอง ทว่ากรรมการยกธงล้ำหน้าไปก่อน เซอร์เบีย (Serbia) พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 64 ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) ได้ลุ้นจากจังหวะเตะมุม โดย แยนนิก เวสเตอร์การ์ด (Vestergaard) โหม่งแต่ไปเข้ามือของ รายโควิช (Rajković)

ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกม ทั้งสองทีมพยายามเดินหน้าเพื่อทำประตู

แต่เกมรับของทั้งสองฝ่ายยังไม่พลาด เวลาที่เหลือไม่มีการทำประตูเกิดขึ้น จบเกม 90 นาที เสมอกันไป 0-0 ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) เก็บเพิ่มเป็น 3 คะแนนเท่ากับทีมชาติสโลวีเนีย (Slovenia) แต่ค่าเฉลี่ยคะแนนวินัยของเดนมาร์ก (Denmark) ดีกว่า ทำให้จบอันดับรองแชมป์กลุ่มซีและตีตั๋วผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ส่วนทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia) ต้องตกรอบไปในที่สุด

รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของแต่ละทีมมีดังนี้:

ทีมชาติเดนมาร์ก (Denmark) (3-4-1-2): แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (Kasper Schmeichel) (กัปตันทีม) – โยอาคิม อันเดอร์เซ่น (Joachim Andersen), อันเดรียส คริสเตนเซ่น (Andreas Christensen), แยนนิก เวสเตอร์การ์ด (Jannik Vestergaard) – อเล็กซานเดอร์ บาห์ (Alexander Bah), ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ก (Pierre-Emile Højbjerg), มอร์เท่น ฮูลมันด์ (Morten Hjulmand), โยอาคิม เมห์เล (Joakim Mæhle) – คริสเตียน อีริกเซน (Christian Eriksen) – ราสมุส ฮอยลุนด์ (Rasmus Højlund), โยนาส วินด์ (Jonas Wind)

ทีมชาติเซอร์เบีย (Serbia) (3-4-2-1):

เปรดรัก ไรโควิช (Predrag Rajković) – มิลอช เวลีโควิช (Miloš Veljković), นิโกล่า มิเลนโควิช (Nikola Milenković), สตราฮินย่า พาฟโลวิช (Strahinja Pavlović) – อันดริย่า ซิฟโควิช (Andrija Živković), อีวาน อิลิช (Ivan Ilić), ซาช่า ลูคิช (Saša Lukić), ฟิลิป มลาเดโนวิช (Filip Mladenović) – ดูซาน ทาดิช (Dušan Tadić) (กัปตันทีม), เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช (Sergej Milinković-Savić) – อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (Aleksandar Mitrović)

การแข่งขันในครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความสำคัญของการเตรียมตัวและการปรับตัวในเกมที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สำหรับแฟน ๆ ของ เว็บแทงบอลสเต็ป (Step Betting Websites) และผู้ติดตามข่าวสารฟุตบอล (Football News Followers) มันทำให้เห็นว่าทุกเกมฟุตบอลมีความตื่นเต้นและความไม่แน่นอนที่ทำให้ฟุตบอล (Football) เป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ตราตรึงใจแฟนบอลทั่วโลก

สำหรับผู้นิยม เว็บแทงบอลสเต็ป

การแข่งขันนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่ต้องการการวิเคราะห์และการวางเดิมพัน (Betting) อย่างละเอียด ความสำเร็จหรือล้มเหลวของทีมหรือผู้เล่นหนึ่งคนสามารถเปลี่ยนโอกาสในการชนะของการเดิมพันได้ การติดตามข่าวสาร (News) และสถิติอย่างใกล้ชิด จะทำให้ผู้ใช้บริการ เว็บแทงบอลสเต็ป (Step Betting Websites) สามารถทำการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ดร็อป แมกไกรว์ เหรียญสองด้านที่ต้องคิดให้ดี

ต้องบอกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์ แทกเลยทีเดียวสำหรับ แฮร์รี่ แมกไกรว์ กองหลังกัปตันแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษด้วย ผลงานเกมทีมชาติล่าสุดก็มาโดนใบแดงจากเหลืองที่สองของเกม เป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมชาติอังกฤษแพ้ไปด้วย ความผิดพลาดที่ต่อเนื่องมาจากทั้งสโมสรและทีมชาติ ทำให้มีหลายเสียงเริ่มเชียร์ให้โซลชา ดร็อปเจ้าตัวจากการลงเล่นสักระยะเพื่อเรียกความมั่นใจ จะบอกว่าดร็อปทำได้ แต่ต้องคิดให้ดีเสียก่อน

ดร็อปเพื่อเรียกความมั่นใจ

แมกไกรว์ ถือว่าเป็นกองหลังที่ซื้อมาใช้งานคุ้มค่ามาก ในซีซั่นที่แล้วหากไม่เจ็บเจ้าตัวแทบจะได้ลงสนามทุกนัด จนถึงนัดสุดท้ายในยูโรป้าลีค เลยด้วยซ้ำ พักไปแป๊บเดียว เปิดซีซั่นใหม่มา เจ้าตัวก็ลงสนามต่อเนื่องอีก เกมทีมชาติก็ไปเล่นอีก นั่นทำให้เจ้าตัวอาจจะอยู่ในสภาพเหนื่อยล้า กรอบ และต้องการพักผ่อนให้ร่างกายสมบูรณ์ด้วย อีกด้านหนึ่งการลงสนามอย่างต่อเนื่องถ้าหากผลงานของทีมดีมันจะทำให้เค้ามั่นใจ แต่ว่าผลงานของทีมที่เค้าลงตอนนี้มันตรงกันข้ามทั้งทีมสโมสรและทีมชาติ นั่นทำให้เค้าเหมือนถูกลดความมั่นใจลงไปเรื่อยๆ การดร็อปเพื่อให้เค้าห่างจากเรื่องพวกนี้สักพักน่าจะทำให้สภาพจิตใจได้พักไปด้วย

ดร็อปแล้วผลงานแย่

ในทางกลับกัน การดร็อปเจ้าตัว มันก็สามาถคิดให้ได้เห็นอีกอย่างหนึ่งว่า ผลงานของแมกไกรว์ไม่ดีจริงจนต้องดร็อปเพื่อเป็นตัวสำรองนั่งดูเพื่อนเล่นไปก่อน หากคิดแบบนี้เจ้าตัวก็อาจจะยากหน่อยให้กลับมาปกติได้ อีกอย่างมองไปที่โปรแกรมการแข่งขันของทีมที่จะต้องเจอศึกหนักทั้งเกมลีค และ เกมยุโรป ดูยังไงก็มีเค้าไว้แม้จะเป็นตอนที่ไม่ฟิต ไม่มั่นใจ ย่อมดีกว่าการได้เห็น ไบญี่ คู่กับ ลินเดอเลิฟอย่างแน่นอน เราเชื่อว่า ยังไงโซลชาร์ ก็ไม่ดร็อป แต่จะดึงสติกลับมาได้แค่ไหนอันนี้ต้องมาดูฝีมือของเค้ากัน

จุดบอดที่ปิดไม่มิดของ ปารีส

 

เป็นอีกหนึ่งเกมที่เราได้เห็นความยอดเยี่ยมของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเป๊ป กวาดิโอลาร์ กุนซือของพวกเค้าที่แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าแบบชัดเจนต่อเหล่ายอดมนุษย์จากปารีส อย่างไรก็ตาม เกมนี้ ปารีส เองก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานอีกด้วย เกมนี้ทำให้เราเห็นจุดบอดที่ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ปิดไม่มิดของปารีสด้วยเช่นกัน

บอลชายเดี่ยว

การเล่นฟุตบอลของปารีส ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตั้งแต่ยุคทูเคิ่ล จนมาถึงยุคของ พอช เรามักจะเห็นความเป็น บอลชายเดี่ยว ของนักเตะปารีส เสมอ เกมนี้เองก็เช่นกัน พอเจอระบบเข้าไป บอกเลยว่า ปารีสเองสู้ไม่ได้ พวกเค้ามักจะติดเล่นบอลแบบข้ามาคนเดียวเสมอ เจาะจงลงไปเป็นเนย์มาร์ เกมนี้ก็แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า เค้ายังไม่ดีพอสำหรับการจะขึ้นมาเป็นเบอร์ต้นๆของโลกลูกหนังอย่างที่คิดเอาไว้ การโชว์โดยไม่จำเป็นทำให้ทีมแทนที่จะได้เปรียบ กลับเสียเปรียบกว่าเดิม

บอลติดดาบ

อีกหนึ่งสไตล์การเล่นที่เรารู้สึกไม่ชอบเลยเวลาดู ปารีส เล่นฟุตบอบ ก็คือการเล่นสไตล์ติดดาบ เข้าแรง มีลูกแถม ลูกตอด ตลอดเวลา การเล่นแบบนี้ ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ในสนามดีขึ้นเลย แถมกลับแย่ลงอีกด้วยซ้ำไป คราวนี้ก็เป็น เคสของ อังเคล ดิมาเรีย ที่โดนใบแดงออกไป หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าจังหวะดังกล่าวจงใจหรือไม่ แต่เราบอกได้เลยว่าจงใจแน่นอน การเหลือบมองไปก่อนจากนั้นค่อยออกแอ็คชั่น มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าจงใจ บวกกับในสนามที่เสียบติดดาบตลอด แสดงถึงอาการหัวร้อน ควบคุมตัวเองไม่ได้ นั่นทำให้อีกฝ่ายปั่นหัวได้ง่ายมากขึ้น อย่าลืมว่านี่คือฟุตบอลระดับสโมสรที่สูงที่สุดในโลก เรื่องแค่นี้เค้ามองขาด รับมือได้แน่นอน

ไม่มีเป้คือจบ

เกมนี้ คนที่แฟนบอลคิดถึงมากที่สุดก็คือ คิริยัน เอ็มปัปเป้ เด็กระเบิดที่เคยสร้างความประทับใจมาแล้วในเกมแรก แต่พอเกมนี้ไม่ได้ลง กลายเป็น มาร์โก้ แวร์รัตติ ลงแทน ทุกอย่างคือจบเลย เพราะการขาดเป้ มันทำให้ ปารีส เป๋ไปอย่างเห็นได้ชัด แม้จะมีเนย์มาร์ในสนามก็ตามที ถือว่าเป็นจุดบอดที่ต้องกลับไปแก้ไขกันต่อไป